- การซื้อเครื่องแดง (CB 245) มือสอง

     เมื่อจะซื้อเครื่องแดงมือสอง และอยากได้เครื่องที่มี ปท. โอนได้ถูกต้องตามกฎหมาย คนซื้อต้องได้อะไรจากคนขาย

     1. ใบอนุญาตใช้เครื่องตัวจริง (เครื่องที่ซื้อ ดูให้ละเอียด Serial ,ป.ท. รุ่นเครื่อง ชื่อเจ้าของเครื่อง
ตัวจริง ต้องตรงกัน)
     2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ผู้โอน / ผู้รับโอน
     3. สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้โอน / ผู้รับโอน
     4. ใบคำขอโอน (เอาให้ผู้โอนเซ็นต์ ด้วย)
     5. เอกสารทุกใบ รับรองสำเนาถูกต้อง 



การซื้อเครื่องแดง (CB 245) มือสอง
      1. ชนิดของวิทยุสื่อสาร ก่อนอื่นเลยท่านต้องเลือกเอาว่าต้องการวิทยุแบบมือถือ ( Handy) หรือวิทยุในรถยนต์ (Mobile) ส่วนใหญ่แล้วนักวิทยุที่มีเครื่องวิทยุเครื่องแรกในชีวิตก็จะเลือกแบบมือถือค่ะ เพราะพกพาไปไหนก็ได้ ราคาก็ถูกกว่า เมื่อมีแบบมือถือเบื่อแล้วอยากมีสัญญาณแรงๆก็จะเปลี่ยนไปใช้แบบรถยนต์แทน เครื่องมือถือจะมีกำลังส่งหรือวัตต์ ( Watt) สูงสุดที่ 5 วัตต์ ส่วนเครื่องในรถยนต์ก็จะมีกำลังส่งที่ 30 วัตต์ เครื่องในรถยนต์นั้นจริงๆเค้าออกแบบมาเพื่อใช้ในรถยนต์นะค่ะ ( ชื่อมาก็บอกอยู่แล้ว) แต่ถ้าเราไม่ต้องการใช้ในรถยนต์ก็สามารถนำมาใช้ในบ้านได้ค่ะไม่ผิดกติกา
   
     2 . ราคา เมื่อท่านตัดสินใจจะเป็นเจ้าของเครื่องวิทยุสื่อสารแล้วคงจะต้องดูที่ราคาที่ท่านสามารถยอมรับได้ซะหน่อย

     3. ยี่ห้อ มีหลายยี่ห้อค่ะ ยี่ห้อหลักๆก็มี ICOM, YAESU, KENWOOD, MOTOROLA เป็นต้น ซึ่งยี่ห้อที่กล่าวมาจะเป็นยี่ห้อที่เค้าผลิตเครื่องมานานแล้ว ส่วนยี่ห้ออื่นก็อาจจะพึ่งผลิต หรือเป็นของประเทศอื่นไม่ใช้ของญี่ปุ่น ก็จะมีความนิยมน้อยลงไป แต่ราคาก็จะถูกลงไปด้วย

     4. รุ่น อันนี้ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ยากมากเลยค่ะ เพราะเมื่อเราเลือกยี่ห้อได้แล้ว ในแต่ละยี่ห้อก็มีหลายรุ่นให้เลือกอีก ก็ขึ้นอยู่กับหน้าตา การออกแบบของเครื่องที่ถูกใจเราละค่ะ

     5. อื่นๆ ส่วนอื่นๆก็มีเช่นการบริการหลังการขาย การซ่อมเครื่องโดยตัวแทน ( Service Center) อะไหล่ของเครื่อง ราคาอะไหล่ ราคาอุปกรณ์เสริม เช่นแบตเตอรี่ ไมค์ แท่นชาร์จ เนื่องจากวิทยุสื่อสารจะไม่เหมือนโทรศัพท์มือถือซึ่งจะเปลี่ยนรุ่นใหม่ออกมาเร็วมาก และราคาจะลดลงรวดเร็ว แต่วิทยุสื่อสารบางยี่ห้อปล่อยว่างไว้เกือบ 4-5 ปีถึงจะออกรุ่นใหม่เพราะฉะนั้นเราจะต้องได้ใช้เครื่องอีกนาน บางทีก็ซ่อมแล้วซ่อมอีก เครื่องจะไม่ค่อยเชยเร็ว ก็ควรจะพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อนะค่ะ
     เมื่อพอจะตัดสินใจในระดับหนึ่งแล้วว่ามียี่ห้อใดรุ่นใดที่เราชอบบ้าง โดยดูจากลักษณะภายนอก ลองจับถือดู หรือลองกดปุ่มเล่นก่อนก็ได้ ต่อไปเราก็มารู้จักวิธีการดู Specification หรือ สเป็ค ของเครื่อง กันดีกว่า
          1. ความถี่ (Frequency) : ดูว่าเครื่องสามารถรับ และส่งในช่วงความถี่ที่เราจะต้องใช้งานได้หรือไม่ บางเครื่องไม่สามารถปรับความถี่ให้เล็กลง เช่น 12.5 kHz ซึ่งปัจจุบันความถี่ของนักวิทยุสมัครเล่นจะมีระยะห่างเท่านี้
          2. กำลังส่ง (Output Power) : ควรจะดูว่าใช้แรงดัน ( V) และกระแส ( A) ที่เท่าใดจึงจะได้กำลังส่งสูงสุด ซึ่งเครื่องมือถือก็จะไม่เกิน 5 วัตต์ ส่วนเคลื่อนที่หรือประจำที่ก็ 3 0 วัตต์ ที่สำคัญคือมือถือค่ะ ว่าเราจะใช้แพ็คถ่านรุ่นใด จะได้กำลังส่งสูงสุด บางแพ็คจะให้กระแสสูงทำให้เราสามารถเปิดเครื่องใช้งานได้นาน แต่กำลังส่งไม่ถึง 5 วัตต์ อันนี้จะเหมาะกับผู้ที่ติดต่อกับศูนย์เป็นประจำ เพราะศูนย์ควบคุมจะใช้เสาสูงเราก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังส่งมาก แต่ถ้าเป็นนักวิทยุสมัครเล่นซึ่งติดต่อกันเองมากกว่าก็พิจารณาดูค่ะ
          3. ความไวในการรับ (Sensitivity) : จะบอกเป็นค่าแรงดัน ( V) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น uV ถ้าตัวเลขนี้ของรุ่นใดมีค่าน้อยกว่าแสดงว่ามีความไวในการรับดี กว่ารุ่นที่มีตัวเลขมาก แต่บางครั้งรุ่นที่มีความไวในการรับดีก็อาจจะไม่ดีเสมอไป เพราะจะรับสัญญาณรบกวนมาด้วย ยิ่งถ้าการกรองความถี่ที่ไม่ต้องการของเครื่องไม่ดีแล้วละก็ทำให้เกิดการรับสัญญาณรบกวนมากขึ้น
          4. ขนาด : ขนาดความกว้าง , ยาว , สูง ลองเปรียบเทียบกันดู รวมถึงน้ำหนักด้วย